ทำ SEO เสมือนปลูกต้นไม้
การทำ SEO เปรียบเสมือนปลูกต้นไม้ 1 ต้น ที่ต้องอาศัยแสงแดด จะปลูกต้นไม้อะไรก็ได้ แต่ต้องพิจารณาจากสภาพอากาศที่เป็นธรรมชาติตามภูมิลำเนาของสถานที่ต่างๆ เพราะ ต้นไม้บางชนิดชื่นชอบอากาศเย็นและมีความชื้นสูง ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น วัสดุที่ใช้ปลูกเป็นอะไร ต้นไม้แต่ละชนิด ก็ไม่ชอบปลูกลงดินแต่ชอบเกาะกิ่งไม้ ที่มีลักษณะผิวขรุขระ ไม่เรียบ สาก หยาบ ต้นไม้ยิ่งชอบ เช่น กล้วยไม้ ต้นไม้สกุลเฟินบางสายพันธ์ไม่ชอบปลูกลงดิน ในขณะที่ ต้นไม้บางชนิดก็ชอบปลูกลงดิน พอปลูกลงดินก็ต้องพิจารณาถึงส่วนผสมดินปลูกต่อไปอีก
ทำไมคิดว่าทำ SEO = ต้นไม้ 1 ต้น
ต้นไม้บางชนิดก็ชอบดินปลูกที่ต่างกันไป ต้นไม้บางชนิดชอบแสงแดดจัด ต้นไม้บางชนิดไม่ชอบแสงแดดจัด จากนั้นนึกถึงเรื่องการดูแลรักษาเพื่อให้ต้นไม้ที่เราปลูกมีความเจริญเติบโตสวยงาม ให้ผลผลิตออกใบ ออกผล ตามที่เราต้องการด้วยการใส่ปุ๋ยบำรุงต้นไม้ที่เรากำลังปลูก เมื่อพูดถึงปุ๋ยใส่ต้นไม้ สูตรของปุ๋ยที่ใส่ต้นไม้ก็มีหลายสูตรอีก ใส่ปุ๋ยมากไปต้นไม้ที่เรากำลังปลูกก็ไม่เติบโต ใส่ปุ๋ยพอเหมาะให้สมดุลกับสภาพของดิน ต้นไม้แตกใบสวยๆ แมลงศัตรูพืช เช่น ตั๊กแตน ด้วงปีกแข็ง หนอนผีเสื้อ แมลงจำพวกดูดกินน้ำเลี้ยง (juice sucker) เพลี้ยกระโดด เพลี้ยอ่อน มวนปีแก้ว แมลงจำพวกหนอนชอนใบ (leaf minor) หนอนแมลงวัน หนอนผีเสื้อม แมลงจำพวกหนอนเจาะลำต้น (stem borer) แมลงศัตรูพืช ที่ร้ายกาจที่สุด คือ เพลี้ยแป้ง เพราะ เพลี้ยแป้งเป็นแมลงศัตรูพืชที่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมาก
หากกล่าวถึง การทำ SEO คือ เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์ให้มีความโดดเด่น เปิดเว็บไซต์ได้ว่องไว ไม่เปิดช้า เจ้าของเว็บไซต์ทุกคนมีความต้องการ มีความหวังว่าเว็บไซต์ของตนเองจะถูกค้นหาเจอได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม หากเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว การออกแบบเว็บไซต์หน้าแรก ฮิตกันมาก คือ ต้องมี Flash กล่าวคือ เป็นเทคโนโลยีทำกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว เมื่อก่อนเป็นที่นิยมใช้กันอย่างมาก เว็บไซต์ที่มี Flash สามารถทำสื่อโฆษณามีภาพและเสียงได้เป็นอย่างดี สั่งงานให้ภาพนั้นเล่นย้อนกลับเล่นได้อย่างต่อเนื่อง (Loop) วนลูป เป็นคำสั่งในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สั่งให้ย้อนกลับไปปฏิบัติคำสั่งเดิมซ้ำ วนอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ
จึงมีผลทำให้ถูกนำมาพัฒนาทำเป็นเกมส์ Flash ให้เล่นในสมัยก่อน รวมไปถึงเมนูต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ เมื่อ 15 ปีก่อน วงการออกแบบเว็บไซต์ การปรับแต่งเว็บไซต์ เสมือน ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน เพราะ
1) เจ้าของเว็บไซต์หูเบาฟังคนอื่นมาก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเว็บไซต์ที่มี Flash นั้น จะมีปัญหา เว็บไซต์ของพี่ต้องมี Flash ด้วยน่ะค่ะ
2) เมื่อเว็บไซต์มี Flash จึงมีผลสะท้อนกลับ (feedback) ลูกค้าบ่น ...ทำไมเวลาเปิดเว็บไซต์จะช้ามาก ๆ
3) ก็โทษคอมพิวเตอร์ สเปคช้า ไม่เร็ว ไม่แรง ต้องเพิ่มแรม เปลี่ยน CPU พอจะเปลี่ยน CPU ก็ต้องดูที่ Mainboard อีก
สรุปแล้ว Flash เปรียบเสมือนเป็นการไล่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ทางอ้อม เพราะกว่าจะรอโหลดเปิดเว็บไซต์นั้น ลูกค้าหนีไปหาเว็บไซต์อื่นๆ แล้วกันหมดแล้ว จนกระทั่ง Google ปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมใหม่ ทำให้การทำงานของ Flash ลดตัวไปอย่างมาก ที่สุดแล้วเทคโนโลยีทำกราฟิก (Flash) ก็หายไป เพราะ เว็บไซต์ถูกพัฒนาขึ้นให้อยู่ในรูปแบบ HTML5 สามารถเรียกใช้งาน JavaScript และ JQuery มาใช้งานง่ายกว่า Flash อีกทั้งการทำงานของสองตัวนี้สะดวกและง่ายสำหรับนักทำเว็บไซต์ เพราะทั้งสองตัวรองรับการทำงานได้หลากหลายมากกว่าเทคโนโลยีทำกราฟิกอย่าง Flash
ในขณะที่ เมื่อเจ้าของกิจการมีเว็บไซต์เป็นสื่อกลางเพื่อจำหน่ายสินค้า จึงมีความจำเป็นต้องใช้สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ โปรโมทเว็บไซต์ โปรโมทสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าที่ตนเองจะจำหน่าย ส่งมอบสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า โดยเจ้าของกิจการมีความหวังและตั้งใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และบอกต่อ โดยต้องมีการจัดการลูกค้าที่ดี (Customer Relationship Management : CRM) แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับคนทั่วไปมากที่สุด เช่น การเรียนการสอน การจำหน่ายสินค้า การทำตลาดออนไลน์ส่งขายไปต่างประเทศ ล้วนแล้วต้องพึ่งอาศัยเทคโนโลยีด้วยทั้งสิ้น